Relx Zero Pod รุ่นใหญ่ใจถึง นุ่มนวลคลาสสิกในตำนาน
Table of Contents
พอตไฟฟ้าเป็นเหมือนไอเทมประจำตัวของหลายคนในปัจจุบัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของผู้รักสุขภาพทั่วไป หนึ่งในพอตไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมและมีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมากต้องนึกถึง พอตไฟฟ้าแบรนด์ Relx ที่มีฐานการผลิตจากประเทศจีน และมีจำหน่ายไปแล้วทั่วโลกไม่น้อยกว่า 60 ประเทศ รวมถึงยังเป็นพอตไฟฟ้าระบบปิดแบรนด์แรกที่มีเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอีกด้วย และพอตไฟฟ้าอย่าง Relx Zero Pod ถือเป็นพอตไฟฟ้าตัวแรกๆ ที่หลายคนนึกถึง เพราะแค่เพียงเปิดตัวจำหน่ายในยุคเมื่อ 4-5 ปีที่แล้วก็ได้กระแสตอบรับจากผู้ใช้งานเป็นอย่างดี ไม่ว่าจากคนที่อาจจะเคยใช้งานบุหรี่ไฟฟ้ามาก่อน หรือแม้แต่ผู้ที่เพิ่งเริ่มใช้งานเป็นครั้งแรกก็ตาม และแม้ปัจจุบันจะมีพอตไฟฟ้าแบรนดอื่นออกจำหน่ายมามากมายก็ตาม แต่ Relx Zero ก็ยังได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันอีกด้วย
เจาะลึกตั้งแต่แรกเริ่มกับ Relx Zero Pod
เมื่อเรานึกถึงพอตไฟฟ้าแบรนด์ Relx ย่อมจะนึกถึงเอกลักษณ์สำคัญอย่างฟีลสูบที่นุ่มนวล ให้สัมผัสเบา สบายคอ ละมุนไปทุกสัมผัส โดยสำหรับ Relx Zero (หรืออีกชื่อที่คุ้นหูว่า Relx Classic) ถือเป็นพอตไฟฟ้าระบบปิดตัวแรกที่มีออกจำหน่าย ทำให้ผู้คนต่างให้ความสนใจ เพราะจุดเด่นแรกคือ ตัวดีไซน์ของตัวพอตนั้น มีขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา และยังดูหรูหรา ตัวพอตผลิตจากวัสดุที่แข็งแรง ทนทานต่อทุกสภาพการใช้งานได้อย่างดุดัน แข็งแกร่ง ตัวพอตมีน้ำหนักไม่เกิน 500 กรัม ผลิตจากอลูมิเนียมผสมกับโลหะ เคลือบด้วยชั้นสีที่สวยงาม เปล่งประกายเป็นระยิบระยับ มีทั้งสีทูโทน คือมี 2 สีในตัวพอตเดียวกัน หรือเป็นโทนสีเดี่ยวก็สวยงามหรูหราเหนือระดับยิ่งกว่าใคร มีสัญลักษณ์รูปหยดน้ำที่กลางตัวพอต และยังใช้เป็นการแสดงสถานะการทำงานของตัวพอตอีกด้วย โดยเมื่อสูบจะมีไฟสีขาวขึ้นที่สัญลักษณ์รูปหยดน้ำนั่นเอง ตัวพอตมีแบตเตอรี่ภายใน 350 mAh ใช้งานได้ตลอดวัน (แต่ทั้งนี้หากสูบถี่ หรือ สูบประจำบ่อยๆ ระหว่างวันอาจต้องชาร์จแบตเตอรี่ตัวพอตซ้ำ) ใช้สายชาร์จแบบ USB Type C และใช้เวลาในการชาร์จตัวพอตที่ 30-40 นาทีโดยประมาณ แบตเตอรี่ก็เต็ม 100% มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง และ Relx Zero ราคา ประมาณ 990 – 1,090 บาท แล้วแต่ตัวแทนผู้จัดจำหน่ายแต่ละราย หากมีการจัดโปรโมชั่น ราคาก็อาจจะถูกลง หรือแม้แต่โปรโมชั่นแบบพร้อมสูบ คือ ตัวพอตพร้อมกับหัวน้ำยาพอต พร้อมใช้งานได้ทันทีอีกด้วย
น้ำยาพอต Relx Zero เป็นอีกหนึ่งความพิเศษ และสีสันของการใช้งานที่มองข้ามไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด โดยหัวน้ำยาพอตมีขนาด 2 มิลลิลิตร ผลิตจากวัสดุตามมาตรฐาน Food Grade ถูกสุขอนามัย เป็นสีดำ แต่โปร่งใส หากต้องการดูปริมาณของน้ำยาด้านในก็สามารถนำไปต้อง ส่องกับแสงสว่าง ก็สามารถมองเห็นได้เช่นกัน หัวน้ำยาทรงตัดเหลี่ยม แต่มุมด้านข้างทั้งสองโค้งมน ไม่บาดริมฝีปาก รูลมมีขนาดกว้างทำให้ฟีลสูบโล่ง โปร่ง ให้ฟีลสัมผัสที่ชัดเจนมากกว่าเดิม ขั้วแม่เหล็กก้นน้ำยาพอตนั้น เมื่อเสียบเข้ากับตัวพอตจะดูดติดกันทันที ไม่มีหลุด น้ำยารั่วซึมน้อย โดยตัวพอตเองการทำงานร่วมกันเมื่อเกิดกระบวนการทำงาน ช่วยป้องกันน้ำยาพอตรั่วซึมได้ดีกว่าเดิม น้ำยาพอตเป็นประเภท Salt Nicotine เข้มข้น มีส่วนประกอบด้วย นิโคติน กลีเซอรีน โพรไพลีนไกลคอน สารแต่งกลิ่นและสี โดยน้ำยาพอตของ Relx zero ยังพิเศษกว่าที่ผู้ใช้งานนั้น สามารถเลือกระดับของนิโคตินได้ โดยมีทั้ง 0% , 1.8% แต่ที่มีผลิตเป็นส่วนใหญ่จะมีนิโคตินที่ 3% และ 5% สามารถพบเห็น และซื้อขายทั่วไป น้ำยามีทั้งกลิ่นโทนร้อน และกลิ่นโทนเย็นให้เลือกตามความชื่นชอบ โดยน้ำยาขายดี แบบฮอตฮิตมีผู้นิยมใช้งานเป็นอย่างมาก เช่น กลิ่นคลาสสิกใบยาสูบ กลิ่นแตงโม กลิ่นโคล่า กลิ่นองุ่น กลิ่นมิ้นท์ กลิ่นบลูเบอรี่ กลิ่นลิ้นจี่ กลิ่นน้ำเขียวโซดา กลิ่นมะม่วง กลิ่นสตรอเบอรี่ กลิ่นเสาวรส เป็นต้น ทั้งนี้ น้ำยาของ Relxzero นั้น หากเป็นของแท้จากทางผู้ผลิตโดยตรงประเทศจีน จะมีจำหน่ายเป็นกล่องแพค 3 หัว อยู่ในกล่องเดียวกัน และมีวิธีการตรวจเช็คว่าเป็นสินค้าของแท้ได้ด้วยตัวเองง่ายๆ ด้วยการสแกน QR Code ด้านหลังกล่องและเช็คว่าตรงกันกับหมายเลข serial number ที่ตรงบาร์โค้ดด้านหลังหรือไม่ เป็นวิธีการเช็คง่ายๆ ด้วยตัวเองแบบไม่ต้องกังวลว่าจะได้สินค้าของปลอม หรือของลอกเลียนแบบแน่นอน
Relx Zero นุ่มลึก ชวนฝันแต่คงเต็มอิ่มกับนิโคตินได้แบบพอตี
อย่างไรก็ตามแม้ว่าปัจจุบันจะมีพอตไฟฟ้าออกจำหน่ายหลากหลายแบรนด์ หรือแม้แต่ พอตไฟฟ้าแบรนด์ Relx เองก็มีหลายรุ่น ถัดจากรุ่น Zero ไม่ว่าจะเป็น Relx Infinity , Relx Phantom , Relx Lite หรือตัวพอตรุ่นใหม่อย่าง Relx Infinity Plus ก็ตาม รุ่นพี่อย่างรุ่น Zero เอง ยังสามารถครองใจผู้ใช้งานได้จนถึงปัจจุบัน และยังมีผู้ใช้งานอยู่ไม่น้อย น้ำยาพอตก็ยังหาซื้อได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นทั้งช่องทางออนไลน์ ที่ซื้อง่ายรวดเร็วทันใจ หรือหากใครสะดวกเป็นช่องทางออฟไลน์ก็ได้แล้วแต่คนเช่นกัน แต่ควรเลือกจากตัวแทนผู้จัดจำหน่ายที่มีความน่าเชื่อถือ และสามารถไว้วางใจได้ในระดับหนึ่ง โดยการสังเกตทั้งจากช่องทางการติดต่อสอบถาม รายละเอียดและการรับประกันสินค้า รวมถึงข่าวสารโปรโมชั่น ราคา เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจอีกด้วย