บุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายไหม
บุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายไหม เป็นคำถามที่หลายคนสงสัย
Table of Contents
สวัสดีคุณลูกค้าของ ks พอตไฟฟ้า ทุกท่าน หลายท่านคงจะทราบข้อนี้กันดีอยู่แล้ว แต่เพราะอะไร ทำไมถึงผิดกฏหมาย เพราะบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายร้ายแรงหรือ หรือเพราะอาจทำกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เสียผลประโยชน์ไปตามที่ใคร ๆ เขาว่ากัน วันนี้เรามาดูเรื่องนี้ไปพร้อมกันเลย ว่า บุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายไหม บุหรี่ไฟฟ้าจัดเป็นอุปกรณ์ชนิดหนึ่งในการสูบบุหรี่ในยุคสมัยใหม่นี้ ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และกว้างขวางในหมู่ของวัยรุ่นและคนทั่วไป อันด้วยความแตกต่างจากบุหรี่แบบมวนปกติธรรมดา ตรงที่สะดวก ง่ายต่อการพกพา ไม่มีกลิ่นบุหรี่เหม็นติดตัว สามารถสูบที่ไหนก็ได้ง่าย ๆ ในอาคารได้ หรือรถยนต์ก็ได้ อีกทั้งมีกลิ่นและรสชาติให้เลือกซื้ออย่างหลากหลาย ถึงแม้ว่ารัฐบาลสมัยของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นั้นจะประกาศให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็น “สินค้าต้องห้าม” ในการนำเข้ามาขาย ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ ที่ลงวันที่ 12 ธันวาคม 2557 แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ความนิยมในการสูบบุหรี่ไฟฟ้านี้ลดลงไปแต่อย่างใด และในทางกลับกัน บุหรี่ไฟฟ้ากลับเริ่มมีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก โดยเฉพาะกับบุหรี่ไฟฟ้า Kardinal Stick ที่มีการสั่งซื้อจากกลุ่มผู้ใช้เป็นจำนวนมาก
ต้นตอของกฎหมายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า
ท้าวความย้นไปเมื่อก่อนปี 2557 บุหรี่ไฟฟ้านั้นถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ที่กฎหมายไทยในยุคนั้น ยังตามไม่ทัน ดังนั้นในช่วงเวลานั้นจึงไม่มีกฎหมายตัวไหนที่ได้ระบุรับรองเอาไว้เลย ทำให้บุหรี่ไฟฟ้า ถือว่าไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด และนั่นอาจแปลได้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าที่ได้นำเข้ามาก่อนปี 2557 ถือได้ว่าไม่ผิดกฎหมาย จนเมื่อเวลาผ่านมาถึงภายหลังจากการรัฐประหารในปี 2557 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี และได้ออกประกาศกระทรวงพาณิชย์ พ.ศ.2557 โดยระบุให้บารากุ บารากุไฟฟ้า และบุหรี่ไฟฟ้านั้นกลายเป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้า ผู้ที่ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับเป็นเงินจำนวน 5 เท่าของสินค้าหรือทั้งจำทั้งปรับ อีกทั้งรวมถึงให้ริบสินค้าและพาหนะที่ใช้ ในการบรรทุกสินค้านั้นอีกด้วย
บุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายไหม ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ
ในส่วนของผู้เชียวชาญอย่างทางด้านแพทย์สมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกันกับคณะแพทย์จากราชวิทยาลัยจำนวน 14 แห่ง ของเครือข่ายวิชาชีพแพทย์, เครือข่ายวิชาชีพสุขภาพ และสมาพันธ์เครือข่ายวิชาชีพสุขภาพ ได้ให้คำชี้แจงถึงกรณีที่รัฐมนตรี ว่าการกระทวงดิจิทัลฯ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ได้อ้างว่ามี 67 ประเทศในโลกตอนนี้ที่อนุญาต ให้มีการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าได้ และให้กลับไปทบทวนคำอนุญาตต่าง ๆ ของประเทศเหล่านั้นว่า แต่ละประเทศนั้นล้วนมีข้อแม้ และมีข้อบ่งชี้ในการใช้กันทั้งสิ้น ไม่ใช่ขายได้อย่างอิสระเสรีทั่วไป และนอกจากนั้นยังมีประเทศอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่อนุญาต (Ban) ให้มีการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ด้วยเหตุผลที่ว่าต้องการปกป้องสุขภาพของประชาชนของเขานั่นเอง ซึ่งเป็นไปด้วยกระบวนการ “ป้องกัน ดีกว่าแก้” นั่นเอง ดังนั้นแพทย์สมาคมฯ และ องค์กรร่วมต่าง ๆ จึงได้ขอคัดค้านอย่างเต็มที่สำหรับการที่จะมีการ พิจารณาให้ได้มีการยกเลิกประกาศจากกระทรวงพาณิชย์ในการห้ามนำเข้า และจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ภายในประเทศไทย และขอเชิญชวนประชาชนให้มีการต่อต้านการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งนี้เพื่อ เพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เป็นกำลังในสำคัญการช่วยกันพัฒนาประเทศชาติต่อไป ดังนั้นแล้ว เราอาจสรุปได้ว่ากรณีนำเข้า ผลิต และนำมาขายบุหรี่ไฟฟ้านั้นมีความผิดตามกฎหมาย ประเทศไทยอย่างชัดเจน แต่ในกรณีของผู้ครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า อย่าง Kardinal Stick และใช้ส่วนตัว อาจไม่มีความผิดโดยตรง แต่ถ้าผิดจะเข้าตามมาตรา 246 ของ พ.ร.บ.ศุลกากร ปี พ.ศ.2560 ซึ่งบอกไว้ว่า “ผู้ใดช่วยซ่อนเร้น ช่วยจําหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจํานําหรือรับไว้ ซึ่งของที่รู้ว่าเป็นความผิดตามมาตรา 242 มีโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ 4 เท่าของราคาของ หรือทั้งจําท้ังปรับ” และหากมีผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าภายในสถานที่สาธารณะ ในพื้นที่ที่กำหนดไว้ให้เป็น เขตปลอดบุหรี่ เช่น ในสถานศึกษา โรงเรียน โรงพยาบาล หรือตลาด ถือว่าฝ่าฝืนมาตรา 42 พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2560 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท
ซึ่งกรณีนี้ส่วนใหญ่แล้วจะขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าสามารถรวบรวมหลักฐาน ได้มากน้อยแค่ไหน และอัยการจะส่งฟ้องด้วยหรือเปล่า ซึ่งในส่วนนี้ผู้ใช้งาน พอตไฟฟ้า หายกังวลใจได้เลย ถ้าไม่ได้ไปสูบพอตในพื้นที่ห้ามสูบ ก็จะยังไม่ผิดในข้อกฏหมายใด เพราะยังไม่เข้าข่ายถึงความผิด ตามที่ ได้กล่าวมานั้น อีกทั้งคุณยังสามารถฟ้องกลับตำรวจได้ด้วย ดังข่าวดังที่พึ่งออกมาไม่นานนี้